รถ บ ริ โอ้ มือ สอง ราคา
1 เพิ่มยอดขายต่อบิล โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าของเรา ซื้อให้มากขึ้น จากเดิม 1 ชิ้น เชียร์ให้เพิ่มเป็น 2 หรือ 3 ชิ้นสิคะ หลายคนคงเคยได้ยินคำฮิตติดหู คำนี้ "รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหมคะ" นั่นไง หิวอยู่พอดี จัดซาลาเปามาอีก 2 ลูก เราลองมาปรับใช้กับสินค้าของเราดูนะคะ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นอาจจัดเสื้อแขนกุดที่สร้างกำไรได้ดีแต่ขายช้า มาสวมคู่กับเสื้อสูทที่ขายดี นำเสนอคู่กัน จากที่คุณจะขายได้เพียง 1 ชิ้น ก็อาจเพิ่มเป็น 2 ชิ้น หรืออาจเพิ่มกระโปรงหวานๆ สวมให้หุ่นอีกชิ้น ที่นี้ก็จบบิลที่ 3 ชิ้นไปเลยค่ะ 3. 2 เพิ่มจำนวนบิล ก่อนอื่นมาเริ่มต้นคิดกันก่อนว่า คุณมีสินค้าอะไรที่สร้างกำไรได้ดี หยิบตัวนางเอกของคุณขึ้นมา ดันมันออกมาให้ลูกค้าขาจรได้สะดุดตา จัดเป็นสินค้า "Best Seller" และตอกย้ำถึงคุณค่าของสินค้าที่ลูกค้าคุณจะได้รับเข้าไป ดังเช่นที่เราเคยเห็นตามธุรกิจร้านอาหารที่ นำเสนอภาพอาหารเมนูแนะนำ ซูมให้เห็นแทบทุกส่วนผสม และนำมาตั้งโชว์หน้าร้าน เพื่อดึงดูดเรียกลูกค้าเข้าร้าน วิธีการนี้จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกสินค้าของคุณได้รวดเร็วขึ้น ไม่รีบเปลี่ยนใจหนีจากคุณไปเสียก่อน 3. 4เพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ ลูกค้าของธุรกิจคุณเป็นใครกันหนอ?
2 ลดการสูญเสียกำไรจากโปรโมชั่นลดกระหน่ำ โปรโมชั่นส่วนลดลูกค้าที่เคยทำตอนเปิดกิจการใหม่ๆ ไม่ต้องลดเท่าเดิมแล้วได้ไหม? ลดการสูญเสียกำไรตรงนี้ โดยค่อยๆปรับส่วนลดให้น้อยลงโดยไม่ทำให้ลูกค้าตกใจ อาจมีโปรโมชั่นอื่นมาเสริมแทนเพื่อยังคงรักษาลูกค้าไว้ 2. 3 ช่องทางการขายไหนสร้างกำไรไม่ได้ตัดทิ้งไป อย่ามัวเสียดายหรือเสียเวลากับมัน หากช่องทางดังกล่าวที่คุณปลุกปล้ำกับมันมาเป็นเวลานานแล้วก็ยังไม่เกิดผลกำไร มีแต่ขาดทุนเอา ขาดทุนเอา ปิดช่องทางนั้นซะ แล้วหันมามุ่งเน้น เต็มที่กับช่องทางที่สร้างกำไรให้กับคุณได้อย่างมหาศาลจะดีกว่า ไม่แน่หากวันใด ช่องทางหลักของคุณทำให้ธุรกิจคุณโด่งดัง ถึงเวลานั้นคุณจะกลับไปลุยช่องทางเดิมต่อก็ยังไม่สาย 2. 4 เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย อย่าปล่อยให้คำนี้ต้องเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณเชียวนะ เพราะมันคงไม่ปลอดภัยสำหรับกำไรของคุณแน่ๆ หมั่นตรวจเช็คและบำรุงเครื่องมือทำมาหากินของคุณอย่างสม่ำเสมอ เช่น เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า พาหนะในการเดินทาง เมื่อรู้แต่เนิ่นๆมันก็จะเป็นการดี และไม่ทำให้คุณต้องเสียมากนั่นเอง 3. เพิ่มยอดขาย ถือว่าเป็นความปรารถนาหลักของนักธุรกิจเลยก็ว่าได้ เมื่อยอดขายสูง เงินก็เข้ากระเป๋ามาก โอกาสที่จะได้กำไรก็มากขึ้นด้วย แต่คำว่าเพิ่มยอดขายอาจฟังดูกว้างไป เพื่อนๆอาจยังนึกภาพไม่ออก เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะแบ่งออกมาให้ได้ 3 เพิ่มดังนี้ค่ะ 3.
หากคุณดำเนินการผลิตแบบที่1 มาโดยตลอดและพบปัญหาดังกล่าวเรื่อยมา มันไม่แปลกเลยค่ะ เพราะคุณยังขาดการวางแผนที่ถูกต้อง เราควร "กำหนดต้นทุนของสินค้าก่อนหาวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิต" ตามแบบที่2 จะดีกว่าค่ะ แล้วคุณจะพบว่ากำไรมันเกิดขึ้นได้จริงค่ะ 2. ลดต้นทุนและการสูญเสียที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าคุณจะลดต้นทุนด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่ หัวใจสำคัญของการลดต้นทุน ก็คือ "ลดแต่ทุนคุณภาพต้องคงเดิม" โดยเน้นให้ความซื่อสัตย์กับลูกค้าของคุณ มีความเสมอต้นเสมอปลาย ก่อนเคยดีอย่างไร ปัจจุบันก็ต้องดีอย่างนั้นนะคะ สำหรับวิธีการใดที่เราจะสามารถลดต้นทุนได้ ตามมาดูกันเลยค่ะ 2. 1 ผลิตเยอะต้นทุนลด จากสินค้าที่เราบริโภค เราสามารถสังเกตได้ว่า สินค้าที่ชิ้นใหญ่หรือมีปริมาณมากกว่า มันจะให้ความคุ้มค่ากับเราได้มากกว่าสินค้าชิ้นเล็ก สิ่งที่น่าคิดก็คือ ผู้ผลิตทำได้อย่างไร ถ้าทำแล้วขาดทุน เขาจะทำทำไมล่ะ จริงไหม? ดังนั้นหลักการนี้ใช้ได้ผลแน่นอน ต้นทุนลดได้ด้วยอะไรน่ะเหรอ ก็เนื่องจากการดำเนินการแต่ละขั้นนั้น ต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเสมอหากเราทำครั้งละมากๆ ต้นทุนต่อชิ้นก็จะต่ำกว่านั่นเอง แต่สิ่งที่คุณต้องควรระวังก็คือ สินค้าที่คุณผลิตในปริมาณมากนั้น จะต้องเป็นสินค้าที่ขายคล่อง สามารถสร้างกำไรให้กับคุณได้อย่างรวดเร็วด้วยนะคะ 2.
3 ค่าใช้จ่ายโรงงาน หรือค่าโสหุ้ยในการผลิต (Overhead Cost) เป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากจากค่าใช้จ่ายของวัสดุ และค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน เช่น ค่าสาธารณูปโภค ค่าเช่าโรงงาน ค่าบำรุงรักษาเครื่องจักร สวัสดิการต่างๆ เป็นต้น 3. การคำนวณต้นทุนการผลิต ต้นทุนการผลิต สามารถคำนวณได้ดังนี้ ต้นทุนการผลิต = ต้นทุนวัสดุ + ต้นทุนแรงงาน + ค่าโสหุ้ย 4.
ไลฟ์สไตล์ของพวกเขาเป็นอย่างไร? หากคุณพบคำตอบแล้ว คุณจะจับทางเพื่อเข้าถึงลูกค้าของคุณได้ง่ายขึ้น เช่น ลูกค้าเป็นกลุ่มคนที่ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ อาจเพิ่มช่องทางการขายผ่านแอพพลิเคชั่น, กลุ่มลูกค้าแม่บ้านชอบเดินงานจัดแสดงสินค้าต่างๆ เราก็อาจไปร่วมออกบู๊ทนำเสนอสินค้าในที่นั้นๆ 4.
เสียงในตลาดนัดจอแจ ตะโกนโหวกเหวก เมื่อได้ยินอะไรถูกๆ เราต้องวิ่งเข้าไปดูกันสักหน่อยล่ะ โอ้โหว! คนมุงขนาดนี้ ถามว่าแม่ค้าคนนั้นจะรวยไหม? ยังค่ะ เรายังไม่สามารถตอบได้ว่า ร้านนี้จะรวยไหม สิ่งที่เรารับรู้คือ ร้านนี้ขายดี แต่เพียงเท่านี้ไม่สามารถทำให้ธุรกิจนั้นสำเร็จได้ สิ่งที่จะวัดความสำเร็จได้นั้น ก็คือ "กำไร" ต่างหากค่ะ แล้วร้านของคุณล่ะคะ ขายดีแล้วมีกำไรหรือเปล่า หากยังไม่ได้อย่างใจแล้วล่ะก็ ตามมาดู 4 แนวทางนี้กับเราเลยค่ะ 1. เริ่มต้นจากการวางแผนการผลิตที่ดี คุณเคยเจอปัญหาแบบนี้ไหมคะ ผลิตสินค้าออกมาแล้วพบว่า ราคามันสูงเกินกว่าลูกค้าจะรับได้ คู่แข่งที่ติดตลาดกว่า ยังมีราคาถูกกว่าของเรา แล้วเราจะขายออกไหม?
umbris.se, 2024